ศูนย์ศิษย์สามเณราลัย

logoในปัจจุบัน ประเทศไทย มีบ้านเณรประจำอัครสังฆมณฑลทั้ง 2 แห่ง และทั้ง 8 สังฆมณฑล รวมถึงบ้านเณรในคณะนักบวชต่าง ๆ อีกจำนวนมาก หากนับจำนวนสามเณรที่เคยได้รับการอบรมจากทุกบ้านเณรรวมกันก็เป็นจำนวนหลักหมื่นกันทีเดียว มีเพียงจำนวนประมาณร้อยละสิบ ที่ได้รับเลือกสรรค์ให้ได้รับศีลบวชตามกระแสเรียก และจำนวนร้อยละเก้าสิบ ที่ได้รับกระแสเรียกให้เป็นฆราวาส บรรดาอดีตสามเณรเหล่านี้เป็นผู้ที่เคยได้รับการอบรม และฝึกฝนอย่างเข้มข้นในด้านจิตตารมณ์ “รักและรับใช้” มามากบ้างน้อยบ้าง ถือได้ว่าเป็นกลุ่มฆราวาสที่สามารถเป็นกำลังสำคัญในงานแพร่ธรรมฆราวาสของพระศาสนจักรเป็นอย่างดี พระศาสนจักรจึงมีดำริให้ก่อตั้ง “ศูนย์ศิษย์สามเณราลัย” ขึ้น

ศูนย์ศิษย์สามเณราลัยก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1959 ในสมัยที่ประเทศไทยมีเพียง 3 มิสซัง และมีบ้านเณรพื้นเมืองเพียงแห่งเดียวที่ย้ายจากบางนกแขวก มาตั้งเป็นบ้านเณรพระหฤทัย ที่ศรีราชา โดยดำริของท่านสังฆราช มิแชล มงคล ประคองจิต

ปัจจุบัน ศูนย์ศิษย์สามเณราลัย เป็นองค์กรหนึ่งของแผนกฆราวาส ในสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ที่มีพันธกิจหลักในการรวบรวมศิษย์เก่าของทุกสามเณราลัยให้เป็นกลุ่มฆราวาสที่พร้อมรับใช้ และเป็นกำลังสนับสนุนหลักในกิจการของพระศาสนจักรsalterrae201503

วัตถุประสงค์หลักของศูนย์ฯ คือเพื่อส่งเสริมความสามัคคี และความช่วยเหลือระหว่างสมาชิก ทั้งฝ่ายกาย ฝ่ายวิญญาณ, ส่งเสริมความกตัญญูต่อสถาบันบ้านเณร, ร่วมมือประสานงานกับศูนย์ศิษย์สามเณราลัยของบ้านเณรต่าง ๆ ตลอดจนองค์การคาทอลิกอื่นตามกำลังสามารถ เพื่อจะสามารถ สนับสนุนและส่งเสริมให้สมาชิกบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่พระศาสนจักร และสังคมประเทศชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

คุณพ่ออธิการบ้านเณร เป็นจิตตาธิการของศูนย์ฯ โดยตำแหน่ง และเนื่องจากในปัจจุบันประธานศูนย์ฯ เป็นประธานศูนย์ศิษย์สามเณราลัย แห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ คุณพ่อจิตตาธิการของศูนย์ฯ ในปัจจุบันจึงได้แก่ คุณพ่อไชโย กิจสกุล ท่านอธิการแห่งสามเณราลัยนักบุญยอแซฟ สามพราน

ฆราวาสนับเป็นสร้างฐานรากที่สำคัญของพระศาสนจักร การเสริมสร้างฐานที่มั่นคงเพื่อนำพาศาสนจักรให้ดำรงคงอยู่ และดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามจิตตารมณ์แห่งคำสอน ขององค์พระเยซู
bf701eab-26c6-4e03-b1a9-2a4d81797de11คริสตเจ้า ด้วยการนำของสภาพระสังฆราช บรรดาศิษย์สามเณรนับเป็นกลุ่มฆราวาสที่มีพื้นฐานแห่งจิตตารมณ์ใกล้เคียงกัน สามารถพัฒนาให้เป็นบุคคลากรและกำลังสำคัญในงานฆราวาสต่าง ๆ ได้ดี ความพยายามในการรวบรวมบรรดาศิษย์เก่าจึงนับเป็นการนำประโยชน์อย่างมากมาสู่พระศาสนจักรไทยอีกหนทางหนึ่ง

บรรดาศิษย์เก่าของบ้านเณร ที่รวมตัวกัน ก็เป็นกลุ่มฆราวาสกลุ่มหนึ่งที่เน้นการส่งเสริมบ้านเณร ขณะที่บ้านเณรยังคงต้องการแรงสนับสนุนจากฆราวาสท่านอื่น ๆ และกลุ่มฆราวาสอื่น ที่เป็น “ผู้ให้” แก่บ้านเณรตัวจริงอยู่เช่นเดิม ไม่เพียงแต่ปัจจัยในการหล่อเลี้ยงสามเณรให้เติบโต เจริญพร อย่างเหมาะสมเท่านั้น แต่การสนับสนุนกระแสเรียกของบุตร หลาน ของเหล่าฆราวาสทั้งหลาย จะนับเป็นการสนับสนุนให้แก่พระศาสนจักรอย่างแท้จริง จำนวนสามเณรของบ้านเณรในปัจจุบันลดลงอย่างมาก

การรวมตัวของศิษย์เก่าบ้านเณรน่าจะเป็นพลังให้ฆราวาสคริสตชนกล้าที่จะส่งลูกหลานเข้ารับการฝึกอบรมที่บ้านเณร ทบทวนค่านิยมในการเสียสละบุตรหลานให้เข้าบ้านเณร เพื่อจะได้มีพระสงฆ์เผยแพร่ พระธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ อย่างยั่งยืน เป็นการสืบทอดศาสนจักรไทยให้ยาวนานเพื่อคนรุ่นหลัง และตลอดไป การรวมตัวกันของฆราวาสที่มิใช่งานหลักของแต่ละคน และมิใช่งานที่มุ่งหวังประโยชน์ส่วนตน จึงเป็นงานที่จำเป็นต้องอาศัยความเสียสละ ความรัก และความวางใจต่อพระพรในการทำงานส่วนนี้มาก ๆ เราจึงวอนขอพละกำลัง ความไม่ย่อท้อ และความมุ่งมั่นจากแบบอย่างของท่านนักบุญยอแซฟ องค์อุปถัมภ์ของศูนย์ ฯ เพื่อนำพากิจการของศูนย์ให้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์

ประธานศูนย์ฯ คนปัจจุบัน คือคุณอภิชัย วงศ์วิไลวารินทร์ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ที่มีวาระเลือกตั้งใหม่ทุก ๆ 2 ปี มีการประชุมพบปะกันเป็นประจำ ในทุก ๆ เย็นวันอังคารที่ 2 ของเดือน ณ ห้องประชุมบ้านพักพระสงฆ์ วัดธรรมมาสน์นักบุญเปโตร บางเชือกหนัง จึงขอเรียนเชิญ ตัวแทนศูนย์ศิษย์เก่าของทุกบ้านเณร, บรรดาเณรเก่าของทุกบ้านเณร และผู้สนใจ ร่วมพบปะกันได้ในโอกาสดังกล่าว อาจมีการประชุมสัญจรกันบ้างในบางครั้ง ก็สามารถติดตาม สอบถาม ข่าวคราวการประชุมกันได้ที่ Facebook : Salterrae Thai หรือ โทร. 02-681-3900 ต่อ 1301 หรือ 1308 ติดต่อ คุณอาวุธ กงมนตรี เจ้าหน้าที่ประจำของศูนย์ฯ

คณะแพร่ธรรมแห่งแม่พระฟาติมา (บลูอาร์มี่)

ประวัติคณะและวิสัยทัศน์

มงซินญอร์แฮโรลด์ โคลแกน เป็นผู้ก่อตั้งคณะบลูอาร์มี่ ซึ่งหมายถึง “กองทัพสีฟ้าของแม่พระ” เป็นองค์กรฆราวาสแพร่ธรรม ซึ่งทำกิจศรัทธาตามที่แม่พระร้องขอผ่านเด็ก 3 คนที่ฟาติมา ประเทศ โปรตุเกส เมื่อปี ค.ศ. 1917 คือ สัญญาจะปฎิบัติตามเงื่อนไขเพื่อสันติภาพในโลก โดยขอให้สวดสายประคำทุกวัน พลีกรรมชดเชยบาปเพื่อการกลับใจ ทำการชดเชยบาปต่อพระเยซูเจ้าในศึลมหาสนิท และต่อดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ (ทำวันเสาร์ต้นเดือนติดต่อกัน 5 ครั้ง) เพื่อขอความรอดของวิญญาณทุกดวง และเพื่อสันติภาพของโลก

คุณชะลอ วรรณประทีป ได้นำคณะบลูอาร์มี่มาเผยแผ่ในประเทศไทยเมื่อปี ค.ศ. 1977 ต่อมาคณะได้เปลี่ยนชื่อเป็น “คณะแพร่ธรรมแห่งแม่พระฟาติมา” คณะได้รับการสถาปนาจากสันตะสำนัก เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2005

 

วันที่ 13 มิถุนายน 1993 พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ได้ประกาศเป็นทางการให้วัดแม่พระฟาติมา ดินแดง เป็นศูนย์กลางของคณะแพร่ธรรมแห่งแม่พระฟาติมา ในอัตรสังฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยมีคุณพ่อเจ้าอาวาสเป็นจิตตาธิการ

พันธกิจ

  1. สวดบทถวายตัวเวลาเช้าและถวายกิจการงานประจำวันเป็นกิจพลีกรรม
  2. สวดสายประคำ 1 สาย โดยรำพึงถึงข้อรำพึงแห่งสายประคำทุกวัน
  3. สวมสายจำพวกรูปแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล เพื่อแสดงว่าได้อุทิศตนแด่แม่พระ
  4. ทำวันเสาร์ต้นเดือนติดต่อกัน 5 ครั้ง รับศีลอภัยบาป รับศีลมหาสนิท สวดสายประคำ 1 สาย และรำพึงถึงรหัสธรรมทั้ง 4 ภาคของสายประคำเป็นเวลา 15 นาที โดยตั้งใจชดเชยความผิดต่อดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์

บทอธิษฐาน

แม่พระทรงเชิญชวนเราให้ตระหนักถึงความจำเป็นของการสวดภาวนาเพื่อคนบาป โดยหลังจากสวดสายประคำครบ 10 เม็ด ให้เราภาวนา ดังนี้

ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดอภัยบาปของเรา
โปรดช่วยเราให้พ้นขุมไฟนรก
โปรดนำวิญญาณทุกดวงให้รอดสู่สวรรค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
วิญญาณที่ต้องการพระเมตตาของพระองค์มากที่สุด

งานคณะ

  1. วันที่ 13 ของทุกเดือน โอกาสถวายเกียรติแม่พระฟาติมาร่วมกับองค์กรฆราวาส เริ่มเวลา 15:00 น. ได้เชิญชวนสัตบุรุษและสมาชิกได้สวดถวายกิจการงานประจำวัน เน้นกิจพลีกรรมถวายแม่พระ และรื้อฟื้นคำสัญญาของสมาชิกคณะสวดสายประคำพระเมตตา อ่านพระวาจา และแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต สวดสายประคำโลก พิธีบูชาขอบพระคุณ และแห่พระรูปแม่พระ
  2. วันเสาร์ต้นเดือน เวลา 18:00 น. มีการทำกิจศรัทธาวันเสาร์ต้นเดือนร่วมกัน
  3. เชิญชวนสมาชิกคริสตชน และผู้สนใจ ร่วมอ่านพระคัมภีร์ต่อเนื่อง
  4. จัดเตรียมแผ่นพระวาจาแจกให้ผู้ต้องการ เพื่อชวนให้อ่าน และนำไปดำเนินชีวิต
  5. ส่งเสริมความดีส่วนรวม ด้วยการเผยแผ่สารของแม่พระฟาติมา
  6. ร่วมงานกับองค์กรต่าง ๆ ของพระศาสนจักร

ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2017 เป็นวันฉลอง 100 ปีที่แม่พระประจักษ์ที่ฟาติมา ขอเชิญทุกท่านร่วมสวดสายประคำ และทำพลีกรรมถวายพระแม่เพื่อสันติภาพและการกลับใจ

 

คณะพระเมตตาประเทศไทย

งานประกาศพระเมตตาในประเทศไทย

ในปี ค.ศ. 1989 สารและกิจศรัทธาต่อพระเมตตาเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทย ต่อมามีการแจกจ่ายสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับพระเมตตา มีการรณรงค์ให้สวดสายประคำวอนขอพระเมตตา และจัดวันฉลองพระเมตตาประจำปี ตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ

วันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ.2004 คณะฆราวาสร่วมกับบรรดาพระสงฆ์ได้ก่อตั้ง “คณะพระเมตตาประเทศไทย” ขึ้น โดยมีคุณพ่อพงษ์เทพ ประมวลพร้อม เป็นจิตตาธิการคณะฯ ต่อมาในวันที่ 11 กันยายน คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตชนฆราวาส ในกรรมาธิการฝ่ายอภิบาลคริสตชน ของสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย มีมติรับ “คณะพระเมตตาประเทศไทย” ให้เข้าสังกัดแผนกฆราวาส โดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตชนฆราวาส ในกรรมาธิการฝ่ายอภิบาลคริสตชน ของสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย อย่างเป็นทางการ

วิสัยทัศน์ของคณะพระเมตตา

“พระเมตตายิ่งใหญ่ . . . ไม่มีวันสูญสิ้นเลย . . .”
“มนุษยชาติจะพบสันติสุขได้ เมื่อพวกเขาเข้ามาพึ่งพระเมตตาของพระเจ้า”

พันธกิจของคณะพระเมตตาประเทศไทย

  • ตั้งใจวิงวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้าเป็นพิเศษเพื่อมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะคนป่วยขั้นวิกฤติ และเพื่อการกลับใจของคนบาป
  • ร่วมกันรณรงค์ให้คริสตชนรักเมตตาด้วยการปฎิบัติกิจเมตตาฝ่ายกายและฝ่ายจิตตามหลักคำสอนพระศาสนจักร
  • จัดประชุมสัมนาให้ความรู้เกี่ยวกับพระเมตตาในระดับเขตและระดับสังฆมณฑล เพื่อคริสตชนจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปปฎิบัติต่อพี่น้องในสังคม

นับจากปี 2007 จนถึงปัจจุบัน คณะพระเมตตาประเทศไทย ได้เดินสายจัดกิจกรรมเข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจอย่างต่อเนื่อง สมาชิกคณะพระเมตตาฯ เดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องหาตามทัณฑสถานต่าง ๆ และแนะนำให้เขาเหล่านั้นรู้จักพระเมตตาของพระเจ้า

ปี 2011 กลุ่มภาวนาของคณะฯ ได้ริเริ่มโครงการสายด่วนคำภาวนา ‘สายโซ่สัมพันธ์’ ขึ้น เพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบความยากลำบากในขีวิตด้วยพลังคำภาวนา ปัจจุบันมีอาสาสมัครกว่า 2,200 ชีวิต สวดสายประคำพระเมตตาร่วมกับพี่น้องที่แจ้งเข้ามารวมทั้งสิ้นกว่า 4,500 รายการ

ในฐานะที่คณะพระเมตตาประเทศไทย สังกัดหน่วยงานจัดประชุมธรรมทูตพระเมตตาระดับนานาชาติ จึงมีผู้แทนชาวไทยไปร่วมประชุมจากปี 2008 เป็นต้นมา อาทิ ในปี 2008 ที่กรุงโรม ปี 2011 ที่สักการสถานพระเมตตาในเมืองคราคูฟ ประเทศโปแลนด์ ในปี 2014 ที่เมืองโกโบต้า ประเทศโคลอมเบีย และกำลังจะมีขึ้นในเดือนมกราคม 2017 ที่ประเทศฟิลิปปินส์

ส่วนในงานประชุมระดับภูมิภาคนั้น นอกจากไปร่วมงานประชุมอย่างต่อเนื่องแล้ว ในปี 2012 คณะพระเมตตาประเทศไทยร่วมกับสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมธรรมทูตพระเมตตาเอเซีย ครั้งที่สอง ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม จุดประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนั้น เพื่อให้พี่น้องกว่า 1,000 ชีวิตจาก 20 ประเทศ ในภูมิภาคเอเซีย ที่รักและเลื่อมใสในพระเมตตา ได้มีโอกาสมาร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระเมตตาของพระเจ้า ได้มารับฟังข้อคิดดี ๆ จากผู้ทรงคุณวุฒิมากมายหลายท่าน เพื่อนำพลังความรักความเมตตาอันทรงคุณค่าที่เราได้รับ มาพัฒนาตนเองและแบ่งปันให้แก่เพื่อนมนุษย์ ทุกชาติ ทุกศาสนา ในสังคมของเรา

พระคุณเจ้าสิริพงษ์ จรัสศรี ได้กรุณาฝากข้อคิดไว้ว่า . . “การเปิดเผยพระเมตตาของพระเจ้าต่อมนุษย์ผ่านทางนักบุญโฟสตินานั้น เป็นการยืนยันถึงความรักมั่นคงของพระเจ้า พระองค์ทรงปรารถนาให้เรามนุษย์วางใจในพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม ในพระองค์คือความหวังของเรา . . . เราจึงมั่นใจในพระเมตตารักของพระเจ้า และมองอนาคตอย่างมีความหวัง เพราะเราวางใจในพระองค์”

พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายพันธกิจให้แก่เราทุกคน ผ่านนักบุญโฟตินาว่า “จงทำ ทุกสิ่งที่ลูกทำได้ เพื่อเผยแพร่ความเมตตาของเรา . . . เราจะเสริมให้ในสิ่งที่ลูกขาด” เราจึงมั่นใจว่า เมื่อเราทำงานถวายพระองค์ด้วยบริสุทธิ์ใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน พระองค์จะยิ่งเพิ่มพูนให้เป็นร้อยเท่าพันทวี ไม่ว่าในชีวิตนี้หรือชีวิตหน้า

ตลอด 27 ปีที่ผ่านมา สารและกิจศรัทธา ต่อพระเมตตาของพระเจ้านั้น . . . ยิ่งใหญ่เกินกว่าผู้คนจะสามารถจินตนาการได้

ขอให้เราทุกคน จงมาร่วมเป็นประจักษ์พยานถึงพระเมตตาของพระเจ้าเถิด

 

คณะอัศวินแห่งศีลมหาสนิท (K.B.S.)

มีความยินดีขอเชิญท่านร่วมโมทนาคุณพระเป็นเจ้า เนื่องในโอกาสครบ 90 ปีของการก่อตั้งคณะฯ ในประเทศไทย

พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช เป็นประธานพิธีบูชาขอบพระคุณ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิการยน ค.ศ. 2016 เวลา 09:30 น. ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ

จิตตารมณ์ของคณะฯ

สมาชิกทุกคนมีความรักและความศรัทธาเป็นพิเศษต่อศีลมหาสนิท

วัตถุประสงค์ของคณะฯ

เพื่อส่งเสริมให้คาทอลิกทั้งชายและหญิงมีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นพิเศษต่อองค์พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท พร้อมทั้งเผยแผ่ขยายกิจการของคณะฯ นำความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อมวลมนุษยชาติ โดยเป็นประจักษ์พยานถึงองค์พระคริสตเจ้าด้วยการเป็นหนึ่งเดียวกัน

ประโยชน์ที่สมาชิกพึงได้รับ

  1. ผลกุศลแห่งคำภาวนาของเพื่อนสมาชิกด้วยกัน ทั้งในยามที่มีชีวิตอยู่และเมื่อถึงแก่กรรม
  2. คณะฯ จะขอพิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับสมาชิกและครอบครัว พร้อมทั้งอุทิศแด่ดวงวิณณาณสมาชิกที่ล่วงลับเป็นประจำทุกเดือน
  3. สมาชิกจะได้รับความรู้เพิ่มพูนจากพระสงฆ์จิตตาภิบาล หรือผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิตตามหลักพระวรสาร
  4. คณะฯ จะจัดอบรมฟื้นฟูจิตใจ พร้อมทั้งรื้อฟื้นคำปฎิญาณตนต่อหน้าศีลมหาสนิท เพื่อจะได้ดำรงชีวิตสมกับการเป็นอัศวินที่ดีขององค์พระเยซูเจ้า
  5. สมาชิกจะมีส่วมร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งคณะฯ จะจัดขึ้น เช่นการไปแสวงบุญร่วมกัน หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่มวลสมาชิกด้วยกัน และแก่ชุมชนในสังคมโดยส่วนรวม